มนุษย์ทุกคน ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ เป็นเด็ก, วัยรุ่น , ผู้ใหญ่ หรือ คนชรา ต่างก็มีความฝัน และ จินตนาการที่ไม่สิ้นสุด ตอนเป็นเด็กเราฝันถึงโลกที่ทุกอย่างเป็นไปได้ และ หวังว่าวันหนึ่งเราจะเติบโตเป็นฮีโร่คอยปกป้องโลกนั้น ตอนเป็นวัยรุ่น เราฝันว่าโลกใบนี้ช่างสวยงาม และ เราจะสามารถเอาชนะทุกๆอุปสรรคไปอย่างง่ายดาย ตอนเป็นผู้ใหญ่ เราก็ฝันว่าหากเราทำทุกอย่างๆอย่างเต็มที่ ผลงานของเราจะออกมาราบรื่น และ เป็นอย่างที่หวังอย่างแน่นอน แต่ยิ่งโต โลกแห่งความเป็นจริงก็ดูจะกัดกร่อนความฝันของเรามากๆขึ้นเรื่อยๆ, ฮีโร่ และ ความกล้าภายในตัวค่อยๆหายไป แต่ ความกังวลในวันพรุ่งนี้กลับมากขึ้นเรื่อยๆ
มนุษย์ทุกคนมีการจัดการความกังวลต่างกันไปตามบุคลิก นิสัย และ ประสบการณ์ที่ได้พบเจอ บางคนพยายามหาประสบการณ์ใหม่ๆ เพื่อให้ตัวเองไม่เครียด บางคนออกไปวิ่ง เพื่อเคลียร์สมอง และบางคนเลือกที่จะที่จะไม่สนใจมัน ด้วยความหวังว่าความกังวลจะค่อยๆเลือนหายไปเอง แต่ก็มีบางคน (ซึ่งเราก็เป็นหนึ่งในนั้น) ที่ชอบนั่งฝันหวาน และ จินตนาการไปไกล จินตนาการถึงอีกโลกที่ความจริง และ ความเป็นไปไม่ได้ ต่างก็มีพื้นที่ให้อยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว มันเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัย ไม่มีใครมีอิทธิพลในโลกใบนี้ และ ความกังวลไม่มีอยู่ เพราะ มันถูกบดบังด้วยโอกาส และ ความเป็นไปได้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด
หนังสือ An Atlas of Imaginary Places ก็เป็นหนึ่งในหนังสือประเภทdreamy ที่จะช่วยเติมเต็มคนช่างฝัน ช่างจินตนาการ มันเป็นหนังสือที่ Mia Cassany ตัดสินใจบรรจงเขียนเล่าเรื่องราวของดินแดนแห่งจินตนาการของเธอ โดยมีAna de Lima คนช่างฝันอีกคน ร่วมขบวนการวาดโลกใบนั้นให้เป็นจริง
หนังสือเล่มนี้พิเศษตรงที่ผู้ใหญ่อ่านก็คลายเครียด เด็กอ่านก็สนุก ภาพสวยมากๆ เต็มไปด้วยรายละเอียดของลายเส้นที่โดดเด่น และ สีสันที่สดใส มันเป็นหนังสือที่แฝงข้อคิดที่ว่าจินตนาการเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ เป็นผู้ใหญ่ขนาดไหน จินตนาการควรจะยังเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของทุกคน
The Booksmith อยากให้คุณมีได้มีโอกาสหลุดเข้าไปในโลกแห่งจินตนาการภายในหนังสือเล่มนี้ ดังนั้นเราจึงได้นำภาพบางส่วนของหนังสือ และ คำแปลประกอบมาให้คุณได้อ่าน และ ชื่นชมจินตนาการอันไร้ขอบเขตของผู้เขียนกัน เราหวังว่าคุณจะ ชอบ และ ลองมาพลิกดูหนังสือเล่มนี้ในร้านของเรานะคะ
_______________________________________________________________
An Atlas of Imaginary Places
ทุกๆคืนฉันฝันถึงดินแดนแห่งจินตนาการแห่งหนึ่ง มันเป็นดินแดนที่อยู่ในความคิดของฉันเพียงชั่วขณะ ดินแดนแห่งนี้ไม่มีอยู่จริง และ ที่ๆเดียวที่คุณจะได้เห็นดินแดนแห่งจินตนาการแห่งนี้ คือในหนังสือเล่มนี้ของฉัน
ส่งมือของเธอมา และ มาเข้าสู่โลกนี้ที่สามารถเป็นจริงได้ ถ้าเราฝันไปพร้อมๆกัน
จินตนาการไปกับฉัน และ เราไปท่องดินแดนที่มหัศจรรย์กันเถอะ!
ในดินแดนแห่งจินตนาการนี้...ทุกครั้งที่มีคนจาม สัตว์ต่างๆจะเปลี่ยนผิวหนังที่ปกคลุมมันอยู่ ถ้ามีใครจาม ขนของสัตว์ที่ปุกปุย สีขาวดำลายทาง ก็จะเป็นลายจุด ไม่มีขนและมีหนังที่เหี่ยวย่น คุณไม่มีทางจำได้หรอกว่าสัตว์ไหนเป็นสัตว์ไหน เพราะทุกครั้งที่คุณจาม ฮัทชิ้ว!!! มันก็เปลี่ยนไปแล้ว....
ในดินแดนแห่งจินตนาการนี้...มีทะเลที่เป็นบ้านพักของยักษ์สาวสวย เธอชอบพับเรือกระดาษลำเล็กๆใส่กลิ่นที่หวานหอมลงไป และค่อยว่างมันลงไปในน้ำ ให้มันได้ลอยไปตามกระแสน้ำพร้อมกับเพื่อนๆลำอื่น
เมื่อเรือกระดาษเหล่านี้ เริ่มซับน้ำทะเลมากขึ้นเรื่อยๆ พวกมันก็ค่อยๆจมลงในทะเล เกาะกลุ่มกันกลายร่างเป็นเกาะเล็กๆรูปร่างประหลาด คนท้องถิ่นในพื้นที่เรียกหมู่เกาะเหล่านี้ว่า “the Sweet Sea Islands”
ในอ่าวใกล้ๆ มีปลาวาฬขี้เซานอนหลับอยู่ มันหลับอยู่ตลอดเวลาเลยรึเปล่า? ใช่...และมันจะไม่วันตื่นจนกว่าประชาชนในเมืองที่อาศัยอยู่บนหลังของมันจะตกสู่ห้วงนิทราพร้อมๆกัน ดังนั้นไม่ต้องกลัวไปนะ เพราะไม่มีเมืองไหนที่ทุกคนๆจะหลับพร้อมกันหมดหรอก!
ในขณะที่เจ้าปลาวาฬหลับปุ๋ยอยู่นั้น และได้รับการปกป้องจากเหล่ากระแสคลื่น มันไม่รู้หรอกว่าเสียงกรนที่แสนจะดังของมัน ได้ทำให้เหล่าปลาตกลงมาจากฟากฟ้าราวกับสายฝน
ในดินแดนแห่งจินตนาการนี้... มีประภาคารที่สูงที่สุด คุณจะเห็นทั้งจักรวาลที่เต็มไปด้วยดวงดาว และ ดาวเคราะห์มากมาย และหากคุณกล้าพอที่จะเดินขึ้นไปด้านบน คุณสามารถใช้นิ้วแตะออกไปเพื่อสร้างกาแลกซี่ใหม่ได้
ในดินแดนแห่งจินตนาการนี้...เหล่าเพนกวินรักในเสียงเพลง ทุกบ่ายพวกมันจะเล่นดนตรีด้วยกัน และสร้างสรรค์จังหวะเพลงที่เจ๋งที่สุด
ในดินแดนแห่งจินตนาการนี้...มีภูเขากลับด้านมากมายที่คุณสามารถไปหา ด้วยการกระโดดข้ามไปมา และ ไม่ต้องกลัวตก เพราะ มีเมฆปุยนุ่มรอรับคุณอยู่
ในดินแดนแห่งจินตนาการนี้... ภูเขาไฟไม่ได้น่ากลัวเสมอไป เพราะ ทุกครั้งที่ภูเขาที่นี่ปะทุ สิ่งที่ปะทุออกมาไม่ใช่ลาวา แต่เป็น หมากฝรั่งหลากสีสัน และหลากรส เท่าที่คุณจะจินตนาการได้ และหมากฝรั่งทุกชิ้นก็มีต้นกำเนิดมาจากเจ้าภูเขาไฟนี้แหละ
ในดินแดนแห่งจินตนาการนี้...มีเมืองๆหนึ่งที่ประชากรได้รับคำแนะนำให้ร้องเพลง และ พูดกับต้นไม้ของพวกเขา และนั่นคือสิ่งที่พวกเขาทำ แต่ดูสิ ว่าเกิดอะไรขึ้น? เจ้าต้นไม้พวกนี้โตขึ้นเรื่อยๆ และ ตัดสินใจมาอาศัยอยู่บนถนนและตึกต่างๆด้วยตนเอง ปัจจุบันเมืองแห่งนี้ถูกเรียกว่า “เมืองแห่งความเขียวขจี”
ในดินแดนแห่งจินตนาการนี้... ก็มีเมืองผีเสื้อ เวลาคนในเมืองเศร้า หรือ เป็นกังวล พวกเขาแค่เงยหน้าขึ้นไป และ เพลิดเพลินไปกับความมหัศจรรย์ของผีเสื้อหลากสีที่บินเหนือพวกเขา และ คอยปกป้องพวกเขาอยู่
ในดินแดนแห่งจินตนาการนี้...ที่ทุกอย่างเป็นไปได้, ความจริงเป็นสิ่งไม่จริง และ ทุกอย่างกลับด้าน คุณจะพบทะเลสาปที่หลบซ่อนอยู่ น้ำในทะเลสาปแห่งนี้ใส่แจ๋วจนระยิบระยับ และ มีผักผลไม้หลายร้อยพันธุ์กำลังเจริญเติบโตท่ามกลาง เหล่าหงส์ ปลา และ สาหร่าย
ในดินแดนแห่งจินตนาการนี้... มันเป็นเรื่องง่ายมากที่จะหลงทาง และมีเพียงแค่คนที่สามารถออกจากเขาวงกตแห่งความฝันเท่านั้น ที่จะได้อาศัยอยู่บนยอดเขาอันแสนสงบและได้รับสิ่งที่พวกเขาปรารถนา
Reference: ‘An Atlas of Imaginary Places’
____________ The Booksmith