ผมค้นรูปเก่าเมื่อ 10 ปีที่แล้วมาดูเพื่อว่าจะเจออะไรให้คิดถึง แล้วพบว่าผมมีรูปร้านหนังสือในลอนดอน และอื่นๆอยู่มากมายเลยว่าจะเอามาเล่าเรื่องให้ฟัง เริ่มด้วย Rococo แถว Nothing Hill เหตุเพราะที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นของ The Papersmith ไหนๆก็มีเวลาเพียง 30 วันก่อนที่ชื่อ The Papersmith จะหายไปจากกรุงเทพ ก็ขอเขียนถึงสักหน่อย
.
Rococo เป็นร้านจำหน่ายนิตยสาร บุหรี่ ขนมแกล้ม ล็อตตอรี่ และอื่นๆอีกมากมาย ขนาดร้านน่าจะเพียง 20 ตร.ม. หรือถ้าเกินนี้ก็ไม่น่าจะมากกว่า 30 ตร.ม. ร้านนี้ซึ่งเล็กและขายทุกอย่างพิเศษยังไงในเรื่องนิตยสาร
.
สมัยเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ทิศทางของนิตยสารดูไม่ดีเอาเสียเลย ไปที่ไหนก็น้อยลงถึงหายหน้าหายตา จะซื้อนิตยสารปกที่ชอบก็หาลำบากเสียเหลือเกิน ดังนั้นการไปเมืองหลวงของหนังสือภาษาอังกฤษเป็นความหวังว่าจะได้เห็นนิตยสารดีๆ แต่ก็ไม่ง่าย ตอนนั้นยังไม่มีร้านอย่าง Mag. Culture ไม่มี Monocle Shop แต่เสียงบอกผ่านมาต่อกันว่า Rococo คือ Oasis ของนิตยสารในลอนดอน อยากได้อะไรไปที่นี่มีหมด
.
สิบปีที่แล้วผมยังไม่ได้ไปลอนดอนบ่อยนัก จริงๆการไปไม่ยากเท่าไหร่เลย แต่ผมดันเลือกทางที่เดินอ้อมเพราะเชื่อ Google Map เหมือนที่เคยโดนหลอกมาแล้วในหลายที ผมเดินจาก High Street Kensington ย่านที่พัก เพราะสามารถเดินตัดถนน ​Kensington Church Street ไปก็แป๊ปเดียว พอถึง Nothing Hill ก็ตรงเข้าไปเลย แต่ตอนนั้น Google พาผมอ้อมไปทาง Colville Road ก่อน เมื่อยมาก และดันเป็นวันที่อากาศสดใส พระอาทิตย์เต็มดวง ในขณะที่คนอื่นรู้สึกสบายกับอากาศ ผมกลับนึกอยากถอดเสื้อออกให้หมด
.
Rococo จะอยู่ตรง 12 Elgin Cres มองจากด้านนอกจะนึกว่าเหมือนร้านทั่วไป ตอนนั้นก็ยังนึกภาพไม่ออกว่าเป็น Oasis ของนิตยสาร จะเป็นยังไง นิตยสารแนวไหน ปรากฎแค่เดินเข้าไปก็ร้อง "ว้าว" "กับอุทาน.....ออกมา" นิตยสารอัดแน่นจากพื้นถึงชั้นบนสุด และเป็นนิตยสารที่เรียกว่า Independent Magazine ทั้งนั้น หัวแปลก ใหม่ๆ เพียบ พวกที่เป็น Glossy หรือ Commercial Magazine มีน้อยมาก มันเป็นสุดยอดของร้านนิตยสารจริงๆ เอาว่าตอนนั้น Kinfolk ที่ว่ากำลังมาแรงถ้าในร้านนี้ประกายจะโดนบดบังไปหมดเพราะคุณจะได้เห็นปกที่ไม่เคยเห็น ไม่เคยคิดว่าจะมีคนทำนิตยสารแบบนี้ในโลก
.
คนขายก็น่าจะมีเชื้อสายอาหรับ น่าเสียดายที่ผมลืมชื่อแกไป อย่าคิดว่าแกนั่งเฝ้าคิดเงินอย่างเดียวเชียว แต่คือเซียนนิตยสาร ถามอะไรตอบได้หมด ถามแทรกวิพากษ์วิจารณ์ให้ฟังเสียด้วย เรียกว่ารู้ลึก รู้จริง อธิบายได้ทั้งแนวนอนหมายถึงการ cross ไปนิตยสารปกอื่นว่าต่างกันยังไง อะไรเด่นตรงไหน และลงแนวลึกได้คือในหมวดนิตยสารเดียวกันเนื้อหาลึกขนาดไหน เหมาะกับคนอ่านทั่วไปหรือไม่ หรือถ้าเป็นมืออาชีพเล่มนี้ไม่เหมาะเพราะมันง่ายเกินไป บอกได้ถึงขนาดนั้น ไม่เรียกว่าเซียนจะให้เรียกว่าอะไร
.
ที่ลอนดอนตอนนั้นร้านแบบนี้มีไม่เยอะ หรือไม่มีเลยก็ว่าได้ ขนาดร้านหนังสือที่ Tate Modern ยังไม่มีนิตยสาร Independent ขาย ร้านใหญ่ๆทั้งหลายก็ยังไม่มี เพิ่งมาเมื่อปีหลังที่ Tate เริ่มนำเข้ามาวางบ้างหรือ Folyes ก็เพิ่งมีจำหน่ายบางปก แต่ที่ Rococo อัดแน่น ผมถามเจ้าของร้านว่ารับวางหมดเลยหรือ เขาบอกว่าวางหมด บางทีเป็น Designer เดินดุ่มเข้ามาเขาก็รับวางให้ เขาบอกผมต่อว่านิตยสารพวกนี้มันมีพลังของความคิดสร้างสรรค์เยอะมาก โดยเฉพาะเล่มแรกมันคือขุมทรัพย์ดีๆนี่เองเพราะทุกคนจะปล่อยทุกอย่างในหัวออกมาในเล่มแรกนี่แหละ "พวกเขาจะทำสิ่งที่ดีที่สุด สะท้อนตัวเองออกมาในเล่มแรก" และถ้ายังมีจำหน่ายไม่ถึงสี่เล่ม อย่าบอกว่าคุณทำนิตยสาร.... ผมถามต่อว่าทำไมต้องสี่เล่ม เขาบอกว่า "it's a magic number"
.
ผมอยู่ที่นี่นานเพื่อคัดนิตยสารที่ชอบ พลิกไปมา ยืนเลือกอยู่นาน จดชื่อปกเพื่อเอาไปบอกจัดจำหน่ายว่าเล่มไหนบ้าง ให้ส่งมาที่ผมด้วย และหิ้วออกมาหลังแอ่น เพราะนิตยสารเหล่านี้หลายเล่มที่มีน้ำหนักเฉียดหนึ่งกิโล บางเล่มก็มากกว่าแถม format ก็พิเศษ แต่ก็ต้องขนกลับเพราะจำเป็น จากตรงนี้จุดแรกที่ผมเลือกนิตยสารเข้า The Papersmith อาจจะไม่ได้สั่งในทันที แต่ใช้เวลาติดตามศึกษาข้อมูลนิตยสารเล่มที่สนใจอีกเป็นปี เพื่อให้แน่ใจว่ายังอยู่ต่อ ดีจริงๆ และขายมามากกว่าสี่เล่มแล้ว...แม้ในปัจจุบันจะสามารถหาดูนิตยสารแบบนี้ได้หลายที่ อาทิ Soho หรือ Spitalfield Market, Mag. Culture ตรง St. John Street ก็ตามแต่ที่นี่ยังเป็นที่ผมต้องไปทุกครั้งเวลาไปทำงาน เพราะจะมี surprise อยู่เสมอ