When September's Here

“No, thanks. I don’t drink coffee.” คือประโยคที่เราใช้บอกเพื่อน ๆ เเละครอบครัว (โดยเฉพาะตอนที่เรียนอยู่อเมริกา) มาโดยตลอด ตอนที่พวกเขาถามเราว่าเราอยากจะได้กาแฟสักแก้วมั้ย เพราะตั้งเเต่เด็กจนเราอายุได้ประมาณสิบหกปี เราเป็นคนที่ไม่ดื่มกาแฟอยู่เเล้ว แม้ว่าเราจะเคยมีโอกาสได้ลองชิมมาบ้างเเต่ประสบการณ์ครั้งเเรกของเรากับกาแฟมันก็ไม่ได้ดีงามถึงขั้นที่จะทำให้เราเกิดความรู้สึกหลงรักมันทันที

จนกระทั่งวันหนึ่งในขณะที่คุณย่า Dianne Mosher (เธอเป็น Host American Grandma ของเรา) และเรากำลังขับรถกลับบ้านหลังจากที่ไปเยี่ยม Lane และ Isla หลานของเธอที่รัฐ New Hampshire ประเทศสหรัฐอเมริกา คุณย่าขับเลี้ยวเข้าไปที่ปั๊ม Cumberland Farm เพื่อจะเเวะซื้อของว่างรองท้องมากินระหว่างทาง เราจำได้ว่าวันนั้นอากาศค่อนข้างเย็น ได้อะไรอุ่น ๆ ดื่มก็คงจะดี เมื่อเราเลือกเเซนด์วิชของตัวเองเสร็จแล้ว ก่อนที่เราจะเดินไปเลือกเครื่องดื่ม คุณย่าเดินมาบอกกับเราว่าเธอเพิ่งได้คูปองสำหรับเครื่องดื่มฟรีหนึ่งเเก้ว ให้เราเลือกได้เลยอยากจะกินอะไร 

ตอนนั้นเราไม่เเน่ใจนะว่าอะไรคือสิ่งที่มาดลจิตดลใจชักชวนให้เราเดินตรงเข้าไปหาเครื่องทำกาแฟที่มีป้ายติดว่า “Hot Caramel Latte” แล้วตัดสินใจกดมันใส่แก้วกระดาษกลับมาด้วย เรารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินประโยคที่ว่า “Dianne just created a monster without realizing it.” จากคนรอบข้างที่เห็นการเปลี่ยนแปลงบางอย่างถี่ขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งที่คุณย่ากับเราทำได้เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็ไม่มีอะไรมากหรอก นอกจากยิ้มและหัวเราะอย่างชอบใจ เพราะเรารู้กันดีอยู่แล้วว่า “Princess’s not the same, not ever again.” หลังจากที่เธอได้ดื่มกาแฟแก้วนั้น… 


#2 Warm Drinks with

Coffee 

(Object Lesson) by Dinah Lenney


 “Coffee is personal. Coffee is particular.”

“Coffee is about so much more than coffee.”

“If there were a symbol of here and now, it’s coffee; ...”


ถ้าหากว่าเราต้องบรรยายว่า “What’s so special about the morning?” อะไรกันที่ทำให้เช้าวันใหม่ของทุก ๆ วันเป็นวันที่พิเศษอยู่เสมอ คำตอบของเราก็คงจะไม่เเตกต่างอะไรกับคำตอบของนักเขียนหนังสือเรื่อง Coffee (Object Lesson), Dinah Lenney และเหล่าเพื่อน ๆ ของเธอสักเท่าไหร่ว่า “Coffee is the only reason.” มันคือความรู้สึกที่ดีที่สุดนะเวลาที่เราลืมตาขึ้นมาเจอเเสงอาทิตย์สีอ่อนที่ลอดผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง ลุกไปล้างหน้าล้างตา มาตั้งกาต้มน้ำร้อนและรินน้ำเดือดใส่แก้วเซรามิกใบโปรดที่มีสิ่งมหัศจรรย์อันหอมกรุ่นอย่างกาแฟ (Coffee) อยู่ ก่อนที่จะ “take that first sip.” จิบที่สอง จิบที่สาม สี่และห้าไปเรื่อย ๆ เพราะ “It turns out if you’re patient (don’t gulp!), if you cultivate those taste buds — a cup of coffee will get better, and better, different-er and different-er.” 

และเหตุผลที่คอลัมน์นี้มีชื่อว่า Warm Drinks with Coffee ก็เพราะว่า โดยส่วนตัวเราคิดว่าบรรยากาศของฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) ในช่วงเดือนกันยายนอย่างนี้ จะสมบูรณ์แบบไปไม่ได้เลยหากเราไม่มีการเอ่ยถึงเครื่องดื่มอุ่น ๆ ที่คอยช่วยเติมพลังให้เหล่า booklovers และ readers ทุกคนให้รู้สึกอินกับการอ่านมากขึ้น...มันจะมีอะไรดีและ cozy ไปกว่าการที่มือหนึ่งของเราถือเครื่องดื่มอุ่นสุดโปรด และอีกมือหนึ่งถือหนังสือสุดที่รักไว้ด้วย ว่าไหม (คำเตือน: ถ้าใครที่รู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่ coffee drinker แต่เป็น tea drinker ก็อย่าเพิ่งรีบข้ามคอลัมน์นี้ไปนะ เพราะนักเขียนของหนังสือเล่มนี้ที่เราจะมาแบ่งปันให้กับทุกคนนั้น เธอได้กล่าวว่า “...coffee or tea — as if we have to declare ourselves. We do not. Happy or miserable, we could have both. We can like both.”

ในระหว่างที่เราอ่านหนังสือเรื่อง Coffee (Object Lesson) by Dinah Lenney ไปเรื่อย ๆ นั้น เราต้องบอกก่อนว่าบ่อยครั้งที่เรารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังอยู่ในบทสนทนาบทหนึ่งกับเพื่อนที่มีความชอบ ความหลงใหลในบางสิ่งบางอย่างที่คล้ายกัน ซึ่งในที่นี้ก็คือ กาแฟ (Coffee) โดย Dinah มีวิธีการเขียนเล่าเรื่องที่เป็นธรรมชาติและเป็นกันเองผสมผสานอยู่ในเนื้อหาอย่างเหมาะสม เราเลยมีความคิดเห็นว่าเพราะสองเทคนิคนี้เเหละที่เป็นเหมือนตัวเชื่อมประสบการณ์และความรักของเธอที่มีต่อกาแฟให้กับคนอ่านได้อย่างมีประสิทธิภาพ สมจริงและลึกซึ้ง 

ไม่ว่าเธอจะหยิบเรื่องที่เกี่ยวกับรสนิยมการดื่มกาแฟของคุณพ่อ (Coffee and my father) คุณเเม่ (My mother is coming, my mother is coming) เพื่อน ๆ ของเธอที่บรุกลินหรือปารีส (Coffee in Brooklyn and Coffee in Paris etc.) และหัวข้อ From the coffee diaries ของตัวเธอเองมาเล่าและหัวข้ออื่น ๆ เราก็รู้สึกว่ามันน่าสนใจ อ่านสนุกและอ่านเพลินมาก ๆ ซะจนบางทีเราก็เผลอปล่อยให้กาแฟร้อนที่ตั้งไว้ข้าง ๆ ตัวเย็นไปหลายแก้วเลย (เรื่องจริงจากใจ)

หนังสือเรื่อง Coffee (Object Lesson) by Dinah Lenney นั้นไม่ได้นำเสนอเพียงแค่ความสนุกและความเพลิดเพลินอย่างที่เราได้เล่ามาเท่านั้นนะ เเต่มันยังมีเรื่องของ Appreciation การเห็นคุณค่าและ Realization การตระหนักรู้ถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เราได้มีโอกาสมีมันอยู่ในชีวิต โดยหนึ่งตัวอย่างจากหนังสือเล่มนี้ก็คือกาแฟนั่นเอง เพราะทุกวันนี้การผลิตของกาแฟนั้นยังต้องเจอปัญหาต่าง ๆ อีกมากมาย “— not only because nobody’s making enough money, not only due to poverty and political conflict in the places where it’s still mostly grown, but because of climate change.” 

ดังนั้น เราก็เลยคิดว่าหนังสือที่เปิดให้ผู้อ่านได้ทั้ง enjoy & learn something ที่ “...preparing a person to get on with whatever come next, holding her in between, suspending the present, whenever it is...lets us start, and start again, and start over — however old a person feels, however stunned to have gotten so old fortified…, she can carry on.” อย่าง Coffee (Object Lesson) by Dinah Lenney ก็น่าจะเป็นตัวเลือกหนึ่งให้ทุกคนได้ลองหยิบมาอ่านร่วมกับ Warm Drinks ของตัวเองในช่วงเริ่มต้นของฤดูใบไม้ร่วงอย่างนี้ได้ดีทีเดียว


Coffee

“...offer a person...a pause, a way to slow down,

 to look out the window, to stare into middle distance,

 to privately contemplate.”




เรื่อง : Princess

ภาพประกอบ : Serm