Book # 2 Do Less

(A minimalist guide to a simplified, organized, and happy life)

 by Rachel Jonat

“ทำไมทุกวันนี้โลกของเรามันถึงหมุนไปไวขนาดนี้” เป็นคำถามที่เราค่อนข้างมั่นใจเลยเเหละว่าหลาย ๆ คนคงต้องเคยสงสัยขึ้นมาในใจกันบ้าง บ่อยเเค่ไหนที่เราถูกสนับสนุนให้อย่ารอช้า รีบคิด รีบสร้าง รีบลงมือทำและรีบกอบโกย จนบางครั้งเราลืมหยุดให้ความสำคัญกับการตัดสินใจว่า “แล้วอะไรละคือสิ่งที่เราอยากสร้าง อยากทำและอยากใช้เวลาไปกับมันจริง ๆ” เพราะเหตุนี้ เราจึงอยากหยิบหนังสือเรื่อง Do Less (A minimalist guide to a simplified, organized, and happy life) by Rachel Jonat ขึ้นมาแนะนำให้ทุกคนที่กำลังเจอปัญหานี้เเละอยาก “discover the simple moments that have been buried beneath the piles of to-dos, to-knows, and to-buys.” ให้ได้รู้จักกัน หนังสือเล่มนี้จะได้เป็นเหมือนไกด์ช่วยนำทางพาเราเดินไปพบกับชีวิตที่เต็มไปด้วย simplicity (ความเรียบง่าย) joy (ความสุข) และ meaning (ความหมาย) โดยผ่าน Minimalism หรือวิถีชีวิตเเบบมินิมอลนั่นเอง


เมื่อเปิดเล่มมาที่บทเเรกของหนังสือ Do Less เรานักอ่านทั้งหลายก็จะถูกเเนะนำให้รู้จักกันว่าจริง ๆ แล้ววิถีชีวิตเเบบมินิมอลมันคืออะไร โดย Rachel ได้อธิบายไว้ว่า “The minimalism lifestyle movement centers around living very simply and with very little.” ซึ่งแปลว่า การใช้ชีวิตเเบบมินิมอลนั้นมุ่งไปที่การเป็นอยู่เเบบเรียบง่ายและอยู่เเบบไม่ฟุ่มเฟือยไปกับสิ่งของมากชิ้น เธอเชื่อว่า “If you scale back your possessions and commitments to just what you really need, you will have more time and energy for those things that truly bring you joy and enrich your life.”


ธีมหลักของหนังสือเล่มนี้คือการสอดแทรกวิถีชีวิตเเบบมินิมอล (Minimalism) ไปในมุมต่าง ๆ ของชีวิตที่จะช่วยให้เรากลับมาเห็นคุณค่าของ simple joy หรือความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ โดยเนื้อหาได้ถูกเเบ่งออกเป็น 4 หัวข้อหรือ 4 มุม เริ่มตั้งเเต่มุมที่เราทุกคนน่าจะใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุดอย่าง Home ที่พูดเกี่ยวกับการจัดระเบียบพื้นที่ให้ปราศจากความตึงเครียด (Declutter to destress),  Work การทำงานอย่างมีคุณภาพ (Work smart, not hard),  Money การรู้จักใช้เงิน (Save money) และ Life กับการใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด (Save time) 


Home ประกอบไปด้วยเคล็ดลับการจัดบ้านทั้งในห้องครัว ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น ตู้เสื้อผ้า home office (ที่ทำงานในบ้าน ) หรือแม้กระทั่งการจัดการกับของเล่นเเละของใช้ของเจ้าตัวน้อยในเเต่ละวัย อย่างหัวข้อ Children’s belonging ให้เหล่าคุณพ่อคุณเเม่ได้ลองปรับใช้กันได้


Work ช่วยให้เรากลับมาพิจารณาตั้งเเต่งานที่เราทำอยู่นั้นใช่สำหรับเราแล้วจริงหรือ (Do work that you love and Find your dream job) เพราะ “...nothing bought in a store can bring happiness as following your dreams.”, พิจารณาว่าเราควรจัดระเบียบบริเวณที่ทำงาน (What does your workplace value?), ควรวางแผนชั่วโมงการทำงานอย่างไรให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น (Reconsider when you work), และเรียนรู้ที่จะกล้าปฏิเสธคนอื่นหากเราเริ่มรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบในการทำงาน (Learn to say No) ฯลฯ


Money ส่วนตัวเราคิดว่าบทนี้มันอัดเเน่นไปด้วยเคล็ดลับที่เป็นประโยชน์มากเลย เพราะมันมีทั้งหัวข้อที่พูดถึง Needs vs. Wants เพื่อเเยกเเยะว่าอะไรคือความจำเป็น อะไรคือความอยาก, The Benefit of delayed Gratification เพื่อชั่งน้ำหนักว่าความอยากของเราที่เกิดขึ้น ณ ชั่วขณะนั้นใช่ความอยากที่เเท้จริงหรือไม่ก่อนจะตัดสินใจซื้อบางสิ่ง, Get out of Dept and Save more money การเก็บออมและจัดการหนี้สินให้สิ้นซาก, และเเนวทาง How to be Rich without A lot of Money ที่เสนอว่า การมั่งคั่งไม่ได้หมายความว่าต้องมีเงินเยอะเเต่เพียงอย่างเดียว “You can be wealthy no matter what your income bracket is.” ฯลฯ


Life จะครอบคลุมเกี่ยวกับองค์ประกอบของชีวิตในเเต่ละวัน โดยบทนี้จะพูดทั้งหัวข้อ Habits การสร้างนิสัยที่ดี (เนื้อหาเกี่ยวกับ Good habits สามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้จาก Better than Before: Mastering the Habits of Our Everyday Lives  by Gretchen Rubin), The Benefit of Routines การมีกิจวัตรประจำวัน, Single-Tasking การทำสิ่งต่าง ๆ ไปทีละอย่าง, Get rid of Junk mail การจัดการอีเมล์หรือ Manage Internet Usage การจัดการปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ตและโซเชียลเน็ตเวิร์ก และการแบ่งเวลาให้กับคนที่เรารักและงานอดิเรกที่เราชอบในเรื่อง Relationships ฯลฯ


ส่วนตัวเรารู้สึกว่าถ้าใครที่กำลังสนใจหัวข้อเรื่องวิถีชีวิตเเบบมินิมอลและอยากรู้ อยากศึกษาเคล็ดลับวิถีชีวิตแบบ less but more เพื่อนำไปลองปฏิบัติตาม หนังสือที่กระชับและเข้าใจง่าย อย่างเรื่อง Do Less ก็นับว่าเป็นจุดสตาร์ทที่เหมาะสมมาก เพราะ “The concepts and benefits of living less are so simple, and you don’t need any equipment or special planner to make it happen.” การเริ่มต้นไลฟ์สไตล์แบบนี้นี่ไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์พิเศษอะไร และ “...you can tailor the degree and areas to which you apply the Do Less concepts however you need them.” เราสามารถเลือกเอาเเนวทางที่ถูกบันทึกไว้ในหนังสือเล่มนี้นั้นมาปรับใช้ได้มากน้อยอย่างที่เราต้องการเลย ดังนั้นถ้า Do Less (A minimalist guide to a simplified, organized, and happy life) by Rachel Jonat เล่มนี้มีเเนวโน้มที่จะถูกเพิ่มเข้าไปใน wish-to-be-read-list ของใครก็ตาม ก็ขอให้อย่าลืมกลับมาเเชร์ประสบการณ์ชีวิตที่ simpler และ more joyful กันด้วยนะ!

Thank You for Your Time, My Kindest Readers  


เรื่อง : Princess

ภาพประกอบ : Serm