Third Column: Self-Love During A Hard Time


การเลือกมองหาเเง่ดีหรือ positive thinking จากสิ่งรอบตัว กับคำว่า “โลกสวย” หรือ optimistic นั้นมีเส้นบาง ๆ ที่กั้นระหว่างความหมายของทั้งสองอยู่ ซึ่งสองอย่างนี้อาจถูกนำมาใช้เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่คล้ายกัน คือ การพยายามทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นกับเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งที่ตัวเองต้องเผชิญอยู่ เเต่ทุกคนรู้มั้ยว่า เวลาที่เราไม่ทันตั้งตัวแล้วต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด ทำให้การตั้ง positive mindset และความมุ่งมั่นที่จะฝึกฝนการรักตัวเองหรือ self-love เกิดการสั่นคลอนได้อย่างน่าตกใจ

ประสบการณ์นี้เกิดขึ้นกับเราเองเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ในตอนนั้นสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ไม่ได้ดำเนินไปตามแผนที่เราวางไว้ ตลอดทั้งวันเราเก็บงำความรู้สึกผิดหวังไว้ข้างใน เราคิดว่าการปล่อยให้ตัวเองรู้สึกแบบนี้มันเป็นการใช้ไม่ได้ ในเมื่อรู้ว่าทุกอย่างก็ต้องผ่านไปอยู่แล้ว จะมานั่งเศร้าและอ่อนแอทำไม การเฉยชาจึงเป็นวิธีที่เราใช้กับสิ่งที่กำลังรบกวนจิตใจของเรา จนเผลอเชื่อว่าความรู้สึกนั้นมันได้หายไปแล้ว เเต่เมื่อกลับมาถึงบ้าน สิ่งเดียวที่อยู่กับเรา ณ ขณะนั้นคือเสียงลมหายใจและห้วงความคิดของตัวเอง เรากลับรับรู้ได้เลยว่า ปมความรู้สึกผิดหวังที่เราคิดว่ามันหายไปแล้วนั้น กลับยังไม่ได้รับการแก้ออกเลยสักนิด เเม้ว่าเราจะผ่านเรื่องนี้มาได้เเล้ว เรากลับรู้สึกว่าประสบการณ์นี้สามารถนำมาเป็นเเรงบันดาลใจในการเขียน ว่าเราจะรักตัวเองอย่างไรตอนที่เราต้องเจอกับเรื่องแย่ ๆ  และนี่คือวิธีที่เราอยากแบ่งปัน


Try to Be More Mindful 

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือเราควรคุมสติของตัวเองให้อยู่ พยายามดึงตัวเองให้อยู่ในการกระทำในปัจจุบันขณะของตัวเองมากที่สุด


Acknowledge and Feel Your Feelings

แทนที่เราจะปฏิเสธสิ่งที่เรารู้สึก เราควรแยกแยะว่าในเเต่ละช่วงเรารู้สึกอะไรอยู่และปล่อยให้ตัวเองได้รู้สึกกับความรู้สึกนั้นไปสักพัก เพราะถ้าเราพยายามจะวิ่งหนีจากความรู้สึกลบ ๆ อยู่ตลอดเวลา มันอาจส่งผลทำให้ความรู้สึกนั้นอัดอั้นอยู่ภายในและเกิดการระเบิดในอนาคตได้


Accept Your Humanness

มันอาจเป็นเรื่องยากสำหรับใครหลาย ๆ คนที่ต้องทำความเข้าใจว่า เราทุกคนเป็นเพียงมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์ และการรู้สึกเเย่ ผิดหวัง เสียใจหรือการทำผิดพลาดเป็นส่วนประกอบที่สวยงามของการเป็นตัวเองเพราะ “It is important to use these difficult times as life lessons, growing and shaping you to blossom into a stronger and wiser person every day.” (Ed Lester) ซึ่งแปลเป็นไทยได้ว่า “มันเป็นเรื่องสำคัญมากที่เราจะใช้ช่วงเวลาที่เราลำบากหรือรู้สึกแย่มาเป็นบทเรียนของชีวิต เพื่อการเติบโตและสร้างตัวตนของตัวเองให้กลายมาเป็นคนที่เเข็งเเกร่งและรอบรู้มากขึ้นในทุกวัน”


เพราะตอนนั้นเราไม่ได้ตั้งสติแล้วทบทวนให้ดีก่อนว่าเราควรตอบสนองกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร เราเลือกที่จะปฏิเสธและเพิกเฉยกับสิ่งที่เรารู้สึก สิ่งที่เราคิด  เราลืมไปว่าการรู้สึกไม่โอเคบางครั้งมันเป็นเรื่องธรรมชาติและลืมไปว่าการรักตัวเองในเวลาที่ดีและในช่วงที่ตัวเองต้องเจออุปสรรคนั้นสำคัญมากพอ ๆ กัน เราเลยปล่อยให้ตัวเองเข้าใจว่าปัญหานั้นทำให้คุณค่าในตัวเราเองลดลง เเต่หลังจากเราทบทวนถึงเหตุการณ์และเรียนรู้จากการหาข้อมูลเพื่อเขียนเรื่องราวนี้ขึ้นมาเเล้ว มันช่วยให้เรากลับมาที่เเก่นเเท้ของเรื่องทั้งหมดว่า remember that you are not your difficult time ซึ่งแปลได้ว่า จำเอาไว้ว่าตัวเราไม่ใช่อุปสรรคที่เราเจอ ไม่ว่าเราจะเจอปัญหาหรืออุปสรรคมากเเค่ไหน เราก็ยังคงเป็นคนคนเดิมที่มีคุณค่าและคู่ควรต่อความรักแบบไม่มีเงื่อนไขจากตัวเราเองเสมอ ไม่ว่าจะเป็นจุดที่สว่างที่สุดหรือจุดที่มืดที่สุด เราก็ห้ามปล่อยมือจากตัวเราเองเด็ดขาด



อ้างอิง

1. A 7-step prescription for self love by Psychology Doctor, Deborah Khoshaba (https://www.psychologytoday.com/us/blog/get-hardy/201203/seven-step-prescription-self-love)


2. 7 Things to remember when going through tough times in life https://www.lifehack.org/articles/productivity/7-things-people-forget-when-they-are-down-and-going-through-the-tough-times-life.html


3. Therapists Spill: 14 Ways to Get Through Tough Times By Margarita Tartakovsky, M.S. https://psychcentral.com/lib/therapists-spill-14-ways-to-get-through-tough-times/

4. 36 Positive quotes to get you through hard times by Ed Lester http://edlester.com/36-quotes-get-hard-times/



เรื่อง : Princess
ภาพประกอบ : Serm