Book #1

Better than Before

(Mastering the Habits of Our Everyday Lives )

 by Gretchen Rubin

ตอนที่เรายังเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น เวลาที่เรามีโอกาสได้เดินทางไปจังหวัดกรุงเทพฯ ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ อย่างหนึ่งที่อยู่ในรายการของสิ่งที่เราอยากทำทุกครั้ง คือการไปร้านหนังสือ (ฟังเเล้วคงจะไม่แปลกสักเท่าไหร่ใช่ไหมที่ร้านหนังสือนั้นเป็นจุดหมายที่ใจเราเฝ้าหา มาตั้งเเต่ตอนโน้นจนถึงตอนนี้) ก่อนหน้าที่เราจะเริ่มอ่านหนังสือภาษาอังกฤษอย่างจริงจัง หมวดที่เราชอบอ่านมากที่สุดก็คือจิตวิทยาและการพัฒนาตัวเอง ดังนั้น เมื่อ “เคล็ดลับการฝึกภาษาอังกฤษให้ได้ผล” ในกูเกิลบอกว่าผู้ฝึกควรเลือกหาหนังสือภาษาอังกฤษที่ตรงต่อความสนใจของตัวเอง (นอกเหนือจากตำราไวยากรณ์และคำศัพท์ต่าง ๆ) เพื่อรักษาความกระตือรือร้นเวลาที่เจออุปสรรค  เราจึงได้  Better than Before (Mastering the Habits of Our Everyday Lives ) เขียนโดย Gretchen Rubin กลับบ้านมา 


Better than Before ถูกริเริ่มขึ้นกับคำถามที่ว่า “คนเราเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร” คำตอบ คือ “คนเราเปลี่ยนแปลงได้โดยนิสัย หรือ habits” โดย Gretchenให้เหตุผลว่า “We repeat about 40 percent of our behavior almost daily…” ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “ในหนึ่งวันของเรา พวกเราทุกคนทำสิ่งที่ทำอยู่เป็นประจำประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ของพฤติกรรมทั้งหมด” มันจึงเป็นไปได้อย่างสูงที่ว่า “If we change our habits, we change our lives.” ถ้าเราเปลี่ยนนิสัยของตัวเอง ชีวิตของเราก็เปลี่ยนด้วย”


เเต่หลังจากการสังเกตและรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นของเธอแล้ว นักเขียนเกิดสงสัยขึ้นมาอีกว่า “แล้วทำอย่างไรล่ะที่เราจะสามารถเปลี่ยนเเปลงนิสัยของตัวเองได้” คำถามนี้นี่เองที่ทำให้วิธีการเปลี่ยนแปลงนิสัย หรือ The Methods of Habit Change กลายมาเป็นหัวใจสำคัญของเรื่องที่หนังสือเล่มนี้พยายามจะค้นหา ดังนั้น หากใครที่กำลังมองหาเเรงบันดาลใจในการเปลี่ยนเเปลงนิสัยบางอย่างของตัวเองเพื่อให้ชีวิตดีขึ้น Better than Before อาจเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ!


สิ่งที่เราชอบมากตั้งแต่ต้นเรื่อง คือนักเขียนได้ตระหนักอยู่เเล้วว่า ถึงเเม้เธอจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงนิสัยของคน เธอเข้าใจอย่างเเท้จริงว่า “No-one-size-fits all solution exists.” มันไม่มีทางที่จะมีเพียงวิธีเดียวที่จะสามารถใช้ได้ผลกับทุกคน เเต่เธอกลับเน้นว่า “The most important thing is to know ourselves and choose the strategies that work for us.” สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการเปลี่ยนเเปลงนิสัยนั้น เราจำเป็นที่จะต้องรู้จักตัวตนของตัวเองให้ดีพอและเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด มันจึงทำให้เราอ่านหนังสือเล่มนี้อย่างเปิดใจ


เนื้อหาต่าง ๆ ในหนังสือประกอบไปด้วยหลักการ งานวิจัย ปรัชญาและตัวอย่างจากเรื่องราวประสบการณ์ของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงนิสัยเยอะเเยะมากมาย Better than Before ประกอบไปด้วย 5 บทหลัก ซึ่งได้เเก่ 1) Self-Knowledge 2) Pillars of Habits 3) The Best Time to begin 4) Desire, Ease, Excuses และ 5) Unique, Just like Everyone else 


ในบทเเรก Self-Knowledge (การรู้จักตัวเอง) ที่จะช่วยให้เราเข้าใจตัวตนของตัวเองมากขึ้นผ่าน Four Tendecies and Distinctions เพราะเธอเชื่อว่าการที่เรารู้จักตัวเองจะทำให้เราจัดการกับตัวเองได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เเละหากเราต้องการจะทำงานร่วมกับคนอื่น เราก็จะสามารถเข้าใจพวกเขา 


ในส่วนเเรกของบทจะพูดถึงกลุ่มคน 4 แบบ หรือเรียกว่า Four Tendecies โดยมีการตอบสนองต่อความคาดหวังจากภายนอกและภายในเป็นเกณฑ์ (Outer Expectation and Inner Expectation) เพราะถ้าสังเกตดู ทุกครั้งเวลาที่คนเราต้องการจะตั้งเป้าหมายในการปรับเปลี่ยนนิสัยอะไรขึ้นมาสักอย่างหนึ่ง เราเลี่ยงไม่ได้ที่จะตั้งความหวังต่อตัวเองขึ้นมาด้วย และพอมาถึงส่วนที่สองที่เกี่ยวกับ Distinction (ความเเตกต่าง) เพื่อเน้นการเข้าใจตัวตนของเราให้ลึกลงไปอีก เรื่องนี้จึงเกี่ยวกับการเข้าใจความเเตกต่างของตัวตนเเต่ละด้านของเราเองกับคนอื่นเพื่อที่เราจะสามารถเลือกวิธีการปรับเปลี่ยนและสร้างนิสัยที่เหมาะกับเรามากที่สุด 


บท Pillars of Habits จะพูดตั้งเเต่การเริ่มตัดสินใจว่าอะไรคือสิ่งที่เราอยากลงมือเปลี่ยน “Identify precisely what action is monitored.” ในหัวข้อ Monitoring การเลือกนิสัยพื้นฐานที่เราอยากแก้ไขในหัวข้อ Foundation (จากตัวอย่างที่นักเขียนได้ให้ไว้คือ 4 นิสัยพื้นฐานได้เเก่ Sleep, Move, Eat & Drink และ Unclutter) เเต่เธอทิ้งทายไว้ว่า เราทุกคนควรมีสิทธิเลือกว่าอยากให้นิสัยไหนเป็นพื้นฐานของชีวิตเราเอง “...but we all decide what come first for us.” และเธอยังสนับสนุนการจัดตารางเวลา (Scheduling) และ การรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง (Accountability) ว่ามันสามารถช่วยให้เราเดินตามแผนการที่ได้จัดสรรไว้ในตอนเเรกได้ดีขึ้นด้วย


สองบทเเรกของหนังสือจะให้ความรู้สึกเหมือนการเตรียมความพร้อมก่อนออกรบ เเต่บทที่ 3 และ 4 นั้นจะเน้นไปที่การเริ่มปฏิบัติลงมือจริงแล้ว โดย Gretchen เปิดเรื่อง The Best Time to begin  มาว่า ในการลงมือทำอะไรใหม่สักอย่างในเเต่ละครั้ง ก้าวที่สำคัญที่สุดเสมอคือก้าวเเรก First steps หลายคนอาจคุ้นชินกับการ take a big step หรือ a small one เเต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ เราต้อง take it! แถมเธอยังแนะนำอีกว่าเวลาที่คู่ควรต้องการเริ่มต้นจะเป็นเมื่อไหร่ไปไม่ได้นอกจาก Now ซึ่งพอเราอ่านมาถึงตรงนี้เราก็เห็นด้วยอย่างมากเลย เพราะหลายต่อหลายครั้งที่พวกเราวางแผนจะทำอะไรสักอย่างเเต่แล้วก็เลื่อนวันเวลาไปให้มันเป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ การกระทำเช่นนี้นั้นน้อยครั้งที่มันจะส่งผลดีต่อการก้าวถึงเป้าหมายที่เราตั้งไว้


ในบทที่ 4 Desire, Ease, Excuses เรียกได้ว่าเป็นบทที่เนื้อหานั้นเต็มไปด้วยเคล็ดลับที่จะทำให้กระบวนการสร้างนิสัยง่ายขึ้น อย่าง; Abstaining (การละเว้นทำนิสัยที่เราอยากจะกำจัด), Convenience (การทำให้นิสัยที่อยากสร้างนั้นง่ายต่อการปฏิบัติตาม) และ Inconvenience (การทำให้นิสัยที่เราพยายามจะเลิกทำ ยากต่อการกลับไปทำ) ความท้าทายเเละอุปสรรคที่เราอาจต้องเจอระหว่างทางอย่าง; Safeguards (การป้องกันการทำลายนิสัยที่ดีอยู่เเล้วของตัวเอง), Loophole - Spotting (การตระหนักถึงช่องโหว่ที่เราควรใส่ใจให้มากขึ้น) และ Distraction (สิ่งรบกวนสมาธิ) และวิธีการให้รางวัลตัวเองเวลาที่เราทำตามเป้าหมายที่จะสร้างนิสัยที่ดีได้สำเร็จอย่าง; Reward (รางวัล) และ Treats (ของขวัญพิเศษ) เลยก็ว่าได้ เพราะในขณะที่เรากำลังจริงจังกับการปลี่ยนเเปลงนิสัยในด้านต่าง ๆ ของตัวเองนั้น นักเขียนเชื่อว่าเราทุกคนก็ไม่ควรลืมที่จะทำให้ช่วงเวลาที่เราทุ่มเทไปนั้นสนุกสนานและน่าสนใจอยู่เสมอด้วย


โดยรวมเราเห็นประสิทธิภาพของเนื้อหาใน Better than Before มากเลยทีเดียว สำหรับคนที่อยากสร้าง Better habits for a better life หรืออยากหาเเรงบันดาลใจบางอย่างในการลงมือเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพราะทุก ๆ ส่วนของหนังสือในเเต่ละบทนั้นเต็มไปด้วยตัวอย่างเเละเเนวคิดของตัวนักเขียนเองเเละคนใกล้ตัวที่นักเขียนได้สัมผัส เราเชื่อว่าตัวอย่างเหล่านี้มันสามารถทำให้คนอ่านเกิดรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาว่า “มันไม่ได้มีเเค่เราคนเดียวซะหน่อยที่กำลังพยายามค้นหาวิธีที่ดีที่สุดต่อการพัฒนาตัวเอง”


และประกอบกันกับบทสรุปจากบทสุดท้ายของหนังสือที่ชื่อว่า Unique, Just like Everyone else ที่กล่าวว่า “Keeping a good habit costs us; it may cost time , energy, and money, and it may mean forgoing pleasure and opportunities — but not keeping a good habit also has its cost.” นี้ด้วยเช่นกัน ที่ทำให้เรารู้สึกว่ามันไม่น่าจะเสียหายอะไรถ้าหากเราจะเเนะนำให้ทุกคนลองให้โอกาสกับหนังสือ Self-help เล่มนี้ดู 


ป.ล. ก่อนจะจบกันไปกับเรื่องเเรกของบทความ 4 Stories behind 4 Books of Mine กับ Book #1 อย่าง Better than Before  (Mastering the Habits of Our Everyday Lives )  by Gretchen Rubin นั้น เราก็ขออนุญาตเเชร์กับทุกคนหน่อยละกันนะ ว่าระหว่างที่เขียนเรื่องนี้อยู่ จริง ๆ เเล้วเราค่อนข้างแอบเครียดนิดหนึ่ง เพราะมันค่อนข้างยากเลยที่จะเขียนเล่าเนื้อหาคร่าว ๆ ที่ทุกคนจะได้อ่านให้ละเอียด เเต่ก็ไม่ละเอียดมากถึงขั้น Spill the beans ที่เเปลว่า เผยมุมมองที่น่าสนใจของหนังสือเล่มนี้ไปซะหมด ดังนั้น ถ้าทุกคนมีความคิดเห็นอย่างไรกับคอลัมน์นี้เเล้วอยากจะเเนะนำเรา Feel free to share your opinion กันได้เลยนะ ! 
Thank You for Your Time, My Kindest Readers  


เรื่อง : Princess
ภาพประกอบ : Serm