ชีวิตในสนามบินตอน 4

          ช่วงปกติก่อนโควิด-19 จะระบาดมาบ้านเราจนต้องประกาศเคอร์ฟิวให้คนอยู่ในบ้าน อย่าออกจากบ้านถ้าไม่จำเป็น สนามบินไม่เคยเงียบเหงาเลยทั้งกลางวันและกลางคืน แม้บรรยากาศจะต่างกันแต่ก็ไม่เหงา คึกคัก ดูมีชีวิตชีวา พนักงานแต่ละหน่วยงานแต่ละร้านมาทำงานเปลี่ยนกะกัน ผู้โดยสารต่อแถวยาวรอเช็กอินตามเคาน์เตอร์ของสายการบิน คนมาส่งผู้โดยสารขึ้นเครื่องยืนกอดกันร้องไห้ อวยพรให้เดินทางปลอดภัย เสียงประกาศเรียกขึ้นเครื่องครั้งสุดท้ายของสายการบิน เสียงตะโกนเรียกเพื่อนให้วิ่งเร็ว ๆ จะตกเครื่องแล้ว แต่พอโควิด-19 ระบาดมา ทุกอย่างเงียบเหลือแต่พนักงานตามจุดสแกนต่าง ๆ เสียงประกาศเรียกขึ้นเครื่องเปลี่ยนเป็นเสียงประกาศขอความร่วมมือจากคนเข้ามาสนามบินให้ใส่หน้ากากตลอดเวลาแทน ไม่มีผู้โดยสาร ไม่มีพนักงานร้านค้า ร้านค้าต่างปิดร้านล็อกกุญแจ บางร้านเอาผ้าสีดำคลุมยิ่งให้อารมณ์เหงาเพิ่มไปอีก การท่าฯถึงกับปิดไฟปิดแอร์ในบางพื้นที่ โดยเฉพาะทางฝั่งขาออกระหว่างประเทศที่ไม่รู้ว่าจะได้เปิดเมื่อไหร่ บรรยากาศในสนามบินเปลี่ยนไปหมด

          ตอนปลดล็อกเคอร์ฟิวใหม่ ๆ สนามบินเชียงใหม่ฝั่งภายในประเทศเริ่มมีร้านค้ามาเปิดขายบ้าง ประปรายยังไม่ทั้งหมด ผู้โดยสารเดินทางยังน้อยอยู่ (แต่ก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งผู้มาใช้บริการสนามบินและเที่ยวบิน) พนักงานเลยมีเวลาเม้าท์มอยอัปเดตเรื่องราวต่าง ๆ ระหว่างที่ไม่ได้เจอกันช่วงกักตัวอยู่ คนที่อยู่หอพักไม่ได้กลับบ้านอย่างผู้เขียนก็จะไม่ค่อยได้พูดได้เจอกับคนอื่นสักเท่าไหร่ พอเจอคนคุ้นเคยรู้จักกันก็จะมีเรื่องให้พูดเยอะหน่อย ยิ่งเรื่องเงินเยียวยาจากประกันสังคมกรณีว่างงานนะพูดได้ทุกวัน ถามกันทุกวันว่าได้เงินหรือยัง? ตอนกักตัวทำอะไรบ้าง...ปลูกผักตรงระเบียงทำตามคลิปในยูทูบ ทำอาหารอัปเลเวล ต้มมาม่าสิ้นเดือนเป็นมาม่าปลิดชีพ (สิ่งที่คิดไว้ในหัวว่าจะออกมาเหมือนเป็นลูกศิษย์แม่ขวัญศรี แต่ทำออกมาเป็นแม่คงขวัญเสียแทน T_T) ดูซีรีส์ตาแฉะไม่หลับไม่นอน รื้อหนังสือที่ซื้อมาดองไว้ยังไม่ได้อ่านออกมาปัดฝุ่นอ่าน ถือว่าเป็นข้อดีของวิกฤติโควิด-19 ให้เราได้ว่างมากมีเวลาทำ ^_^ แล้วถ้าคนที่คุยด้วยทำเหมือนกันนะยิ่งเม้าท์กันยาวเลย มีพี่คนนึงเคยพูดไว้ว่าเหมือนมาทำงานเอาสังคม เพราะวันนั้นขายไม่ค่อยได้แต่ได้เม้าท์มอยกับเพื่อน ^_^ จัดร้านไปคุยกันไปเพลิน ๆ เพราะยังไม่ค่อยมีลูกค้าเข้าร้าน คงต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ ๆ เลย ถึงจะกลับมาคึกคักเหมือนเดิม

          คิดถึงตอนสถานการณ์ปกติก่อนโควิด-19 พอมาถึงที่สนามบินก่อนเข้างานก็ต้องกาแฟเย็นหรือชาเย็นสักแก้ว ระหว่างเดินไปร้านก็ทักทายพี่ ๆ ร้านนั้นร้านนี้ ส่วนใหญ่ก็ชวนกันกินข้าว พี่บางคนทำอาหารมาเองก็จะทำมาเผื่อเพื่อนกินด้วย บ้านใครมีอะไรกินก็เอามาแชร์กันกิน ขนมหวานบ้าง ผลไม้บ้าง ผลไม้เปรี้ยวนี่เข้าทางผู้หญิงเลยของชอบ มะหลอด ตะลิงปลิง มะม่วงดิบจิ้มกับพริกเกลือหรือน้ำปลาหวาน บางวันหาผลไม้เปรี้ยวไม่ได้ยำมะนาวแทนก็มี บรรยากาศรวมตัวกินข้าวกัน เอาของมาแบ่งกันกินเหมือนอยู่บ้านตามชนบทยังเป็นภาพที่เห็นได้ในสนามบิน วันไหนขี้เกียจทำอาหารมาก็ลงไปกินที่ร้านสวัสดิการ เปลี่ยนบรรยากาศบ้างสลับกันไป แต่ตอนนี้ทำไม่ได้แล้วเดี๋ยวติดโควิด-19 ต้องแยกกันกินจานใครจานมัน ป้องกันทั้งตัวเองและช่วยคนอื่นโดยไม่แพร่เชื้อ ก็ได้แต่หวังว่าวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรน่าจะสำเร็จโดยเร็ว สถานการณ์วิกฤติแย่ ๆ บรรยากาศเหงา ๆ นี้จะคลี่คลายดีขึ้น และได้กลับไปใช้ชีวิตอย่างที่อยากทำเร็ว ๆ 



เรื่อง : ดาว
ภาพประกอบ : Serm