วันนี้คือวันของการสนทนาเพื่อการเรียนรู้เพิ่มเติมของมหาลัย Dream On ที่ถูกจัดขึ้นในหัวข้อ “วรรรณกรรมอังกฤษในศตวรรษที่ 19” ซึ่งฉันที่หลาย ๆ ท่านรู้จักกันในนามของ “ส้ม” คือวิทยากรที่จะมาร่วมบรรยายและแบ่งปันความรู้และแง่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ในวันนี้ด้วย บางท่านอาจยังสงสัยอยู่ในใจว่า “จริง ๆ แล้ว ส้มคือใคร” กันแน่ ฉันจึงอยากถือโอกาสนี้แนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ก่อนที่พิธีกรผู้ดำเนินงานจะพูดเชิญให้ฉันขึ้นไปบนเวที และพบกับเหล่าเยาวชนผู้มีอำนาจสร้างอนาคตของตัวเองที่ตัดสินใจมาเป็นส่วนหนึ่งในการสนทนาครั้งนี้


ฉันชื่อ ส้ม Dr. Somerset Meme  เรียนจบปริญญาตรีจากคณะอักษรศาสตร์ สาขาภาษาอังกฤษ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับทุนการศึกษาให้ไปเรียนต่อปริญญาโทที่มหาลัย Williams College ที่ Williamstown, MA, United States ในสาขา the History of Art ก่อนจะเลือกเรียนต่อปริญญาเอกในโปรแกรม Doctor of Philosophy in Education (Ph.D.) ของ Harvard University ที่ Cambridge, MA, United States


หลังจากที่ฉันเรียนจบและกลับมาอาศัยอยู่ในประเทศไทย ฉันใช้เวลาสามปีแรกทำงานวิจัยให้กับสถาบันการศึกษาหลายแห่ง ก่อนจะได้เลื่อนตำแหน่งให้เข้าร่วมสอนในภาควิชาต่าง ๆ บ้าง ใน Faculty of Arts พออยู่ในระบบจนอิ่มตัว ฉันผันตัวออกมาทำงานเป็นอาจารย์อิสระลงพื้นที่ไปสอนในสถานศึกษาเล็ก ๆ อย่างบนเขาในทางภาคเหนือและจังหวัดติดทะเลทางภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำไม่ไหล ไฟฟ้าดับ เวลาหนึ่งทุ่มต้องเข้านอน นอนในมุ้ง จุดตะเกียง หุงข้าวกับหม้อดินเผา นอนดูหิ่งห้อย สัญญาณโทรศัพท์เข้าไม่ถึง พายุจากทางใต้พัดเข้าฝั่ง ฝนฟ้าคะนองเสียงดังเหมือนโลกจะถล่ม ลองออกไปหาปลาเหมือนชาวประมงและได้กินอาหารทะเลสด ๆ ทุกวันนั้น ฉันก็ทำมาหมดแล้วละ สิ่งเหล่านี้ไม่ว่าจะผ่านมาแล้วหลายปี มันก็ยังคงเป็นความทรงจำที่มีค่ามากที่สุดสำหรับฉัน บ่อยครั้งที่ฉันยังคงแบ่งเวลาไว้ไปนั่งคิดถึงมัน

ฉันใช้ชีวิตโลดโผนแบบนี้อยู่ได้สองปีกว่าก่อนจะตัดสินใจกลับมาอยู่กรุงเทพฯ เพราะความรู้สึกที่ว่าฉันต้องเริ่มต้นทำอะไรใหม่สักอย่างแล้ว ฉันเลือกจะสมัครเข้าทำงานพาร์ตไทม์ที่ร้านขายขนมครกชื่อดังในซอยเล็ก ๆ แถวตลาดราชวัตร เพราะที่นั่นต้องเข้างานตอนเช้ามืดและใช้เวลาจัดเตรียมส่วนผสมให้เสร็จก่อนสาย พอช่วงบ่ายฉันก็จะสามารถกลับบ้านเพื่อให้ตัวเองได้มีเวลากว่าครึ่งวันให้นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ (ตอนนั้นแลปท็อปยังไม่ค่อยพัฒนาเท่าไหร่) และเริ่มเขียนหนังสือของตัวเองอย่างจริงจัง หนังสือของฉันถูกตีพิมพ์แล้วทั้งหมด 3 เรื่อง คือ Where You’ll Be Lost, Once Ate Teen Book of Poems, และ เรื่อง How Tears Heal Soul ฉันเพิ่งกลับมารับงานเป็นอาจารย์พิเศษและวิทยากรในการบรรยายอีกครั้งจริง ๆ ก็เมื่อไม่นานมานี้เอง งานวันนี้จึงทำให้ฉันรู้สึกค่อนข้างตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยเลย


พอมาถึงวันนี้ วันที่ฉันยืนอยู่ในจุดที่ฉันยืนอยู่ ฉันไม่ค่อยอยากเชื่อเลยว่า “ฉันมาถึงตรงนี้ได้ยังไง” ทั้งที่ลึกแล้วฉันรู้อยู่เต็มหัวใจว่าฉันต้องผ่านและสู้กับอะไรมาบ้าง พื้นหลังการศึกษาของฉันอาจจะดูสวยหรูเกินจริงไปในมุมมองของคนบางกลุ่ม แต่ลองฟังมุมมองนี้ของฉันดูก็ได้ว่าจริง ๆ แล้วมันไม่ได้สวยหรูหรือง่ายเลยแม้แต่นิดเดียว ทุนการศึกษาที่ฉันได้มาฉันไม่ได้ได้มันมาโดยไม่ต้องแลกกับอะไรเลย ฉันต้องใช้เวลาที่หมดเกือบห้าปีครึ่ง เริ่มตั้งแต่เปิดเทอมแรกของปริญญาโทที่นั่น ทำงานให้ Journalism Department ของทั้งมหาลัย Williams College และ Harvard University โดยมีค่าตอบแทนที่โดนหักถึง 53% ส่งคืนให้กลับองค์กรทุนการศึกษาที่ฉันเป็นส่วนหนึ่ง และยังงานเสริมอีก 3 คือ อ่านหนังสือให้เด็ก ๆ ใน Children’s Clinic ใน ใจกลางเมือง Boston, รับหน้าที่เป็น Proofreader Online, และเข้าไปเป็นพนักงานที่ช่วยสแกนบัตรผ่านเข้าห้องสมุดของนักศึกษาคนอื่น ๆ ของ Harvard University อีก ฉันทำทั้งหมดนี้เพื่อให้ตัวเองมีรายได้เพียงพอในช่วงเรียนตอนนั้น ฉันตั้งใจทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเพื่อที่จะไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากทางครอบครัว


ดังนั้น ต่อให้ฉันจะตื่นเต้นและกังวลใจแค่ไหน ฉันก็จะตั้งใจทำหน้าที่เป็นวิทยากรที่ดีที่สุด 


“ดังนั้น เราไปพบกับวิทยากรของเรากันเลยครับ Dr. Somerset Meme  หรือคุณส้ม” เสียงปรบมือดังขึ้น


What was on my mind before stepping up on to the stage was, “This is not my moment. Not just one bit. But it is the moment arts and literature could shine.”


Fictional Short Story By Princess