All Hallows' Eve

           เราไม่มีอะไรจะพูดไปมากกว่า “It’s Spooky Season!” แล้วล่ะทุกคน!


           Reading list ในช่วงเดือนตุลาคมแบบนี้ควรจะเกี่ยวกับ mysteries (ความลึกลับ), crime (อาชญากรรม), magic (เวทมนตร์) และ hidden powers (พลังเหนือธรรมชาติ) ที่มนุษย์ธรรมดา ๆ อย่างเราทุกคนชอบจินตนาการและเพ้อฝันถึงอยู่เสมอ โดยในคอลัมน์นี้เราได้เลือกหนังสือสักสองสามเล่มที่มีองค์ประกอบสุด enchanting เหล่านั้นมาพูดถึง เพื่อที่สาวกนักอ่านทั้งหลายจะได้มี the best of the spookiest time!! กันทั่วหน้าเลย


           As October is well-known for the day called “Halloween or All Hallow’s Eve”, which “This day marked the end of summer and the harvest and the beginning of the dark, cold winter, a time of year that was often associated with human death.” หนังสือเรื่องแรกที่เราเลือกมานำเสนอในวันนี้ก็คือ งานเขียนคลาสิกของนักเขียนชาวฝรั่งเศส Gaston Leroux 


The Phantom of the Opera

 by Gaston Leroux


           “Have you ever been to a live musical before?” “No, I’ve never.” “Ah ha! This would be fantastic!” นี่เป็นบทสนทนาหนึ่งที่นำพาให้เรา เด็กหญิงไทยวัยเพียง 16 ปีในตอนนั้น ได้มีโอกาสเข้าร่วมชมการแสดงละครเวทีสดที่โรงละครแห่งหนึ่งในรัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นครั้งแรกในชีวิต “ตอนที่อยู่อเมริกาอีกแล้วเหรอ?” บางคนที่เคยอ่านบทความเรื่องอื่น ๆ ของเรามาก่อนอาจนึกสงสัยขึ้นมา เราเลยต้องขอบอกว่า “ใช่แล้ว There’re innumerable things I’ve got to experience when I was in the States.” และถ้าให้เราเล่าว่าเราได้ทำอะไร ไปที่ไหน เจอใครมาบ้างในระหว่างที่อยู่ที่นั่น เราคิดว่าเวลาประมาณสามวันเต็ม ๆ ก็คงจะยังไม่พอ


           ประสบการณ์ของเราที่มีต่อเรื่องราวของ The Phantom of the Opera  นั้น เริ่มต้นจากการได้ไปชมละครเวทีที่แต่งขึ้นโดย Andrew Lloyd Webber ก่อนหน้าที่เราจะได้มาสัมผัสงานศิลปะชิ้นยอดเยี่ยมชิ้นนี้อีกครั้ง ผ่านต้นกำเนิดที่แท้จริงอย่างหนังสือ Classic by Gaston Leroux เล่มนี้ ความรู้สึกเหลือเชื่อและชื่นชมที่เกิดขึ้นหลังจากม่านสีแดงของโรงละครเวทีปิดลงในวันนั้น ได้ถูกปลุกขึ้นอย่างไม่ได้คาดคิดในใจเราขณะที่เปิดไปอ่านบทแรกของหนังสือ จนเมื่อเราอ่านถึงหน้าสุดท้ายแล้ว ความรู้สึกเหล่านั้นมันไม่ได้เลือนหายหรือลดลงไปเลยสักนิด กลับกันมันทำให้เรารู้สึกซึ้งใจในความโชคดีของตัวเองมากยิ่งขึ้นด้วยซ้ำ ที่ครั้งหนึ่งเราได้มีงานศิลปะ Masterpiece อย่าง The Phantom of the Opera  by Gaston Leroux ไว้เป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำอัน Bookish ของเรา 

           เรื่องราวของ The Phantom of the Opera นั้นมีจุดเริ่มต้นอยู่ที่โรงละคร The Palais Garnier ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในช่วงศตวรรษที่ 19 โดยเมื่อเปิดเรื่องขึ้นมา Gaston Leroux แทนตัวเองเป็นนักเขียนข่าวคนหนึ่งที่เขียนรายงานถึงโศกนาฏกรรมและฆาตกรต่อเนื่องในเงามืดอย่าง “The Opera Ghost หรือ O.G.” เมื่อหลายสิบปีก่อนเขาพยายามรวบรวมหลักฐานและพยานว่าชายในตำนานอย่าง O.G ผู้นี้นี่แหละคือต้นเหตุของการถูกลักพาตัวไปของ Christine Daaé นักร้องหญิงโอเปร่าเสียงสวรรค์, การหายตัวไปของ the Vicomete de Chagny หรือ Rauol สุภาพบุรษชั้นสูง และการเสียชีวิตของ Count Philippe พี่ชายของเขา


           เพื่อพิสูจน์ว่าเรื่องเล่าของ The Opera Ghost เป็นเพียงแค่ตำนานหรือไม่...Is the ghost just a myth or not? Gaston เขียนเล่าว่าเขาได้ลงพื้นที่ไปยังโรงละครที่เกิดเหตุ, National Academy of Music สถานที่ที่จัดแสดงถึงการเคยมีตัวตนอยู่จริงของ O.G,ใช้เวลาศึกษาอ่านหนังสือ The Memoir of the Manager ที่ผู้จัดการโรงละคร ณ ตอนนั้นเป็นคนเขียนไว้, และไปสอบถามพยานผู้รู้เห็นหลายคนที่เคยอยู่ในเหตุการณ์ปริศนาอันลึกลับเหล่านั้นจริง ๆ 


“And it was true. For several months there had been nothing discussed at the Opera but this ghost in dress-clothes, who stalked about the building, from top to bottom, like a shadow, who spoke to nobody, to whom nobody dared to speak and who vanished as soon as he was seen, no one knowing how or where.”


           สำหรับเรา เราคิดว่าวิธีการเล่าเรื่องแบบผสมผสานของทั้ง Fantasy และ Reality เข้าด้วยกันภายในหนังสือเล่มนี้มันช่างกลมกล่อมและงดงาม เหมือนกับบทเพลงโอเปร่าที่ถูกประพันธ์ขึ้นด้วย Passion  “Every detail of the story was written as one does compose a song. The music notes must be played in perfect order, because if a note is missed, the true heart and meaning of the song would sadly still be kept in the dark.” ความรักในเสียงเพลง ความฝัน ความเมตตา,  ความหวัง ความเชื่อ การทุ่มเทให้กับความรัก, ความกลัว ความซับซ้อนของบุคลิกและแง่คิดของคน, ความหลงใหล ความอิจฉาริษยาและการโหยหาความรักจากใครสักคน คือองค์ประกอบทั้งหมดที่ตัวละครทุกตัวในเนื้อเรื่องถ่ายทอดความเป็นธรรมชาติของมนุษย์ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด นี่จึงเป็นตัวอย่างบางส่วนจากเนื้อเรื่องที่เราอยากให้ทุกคนได้ลองอ่านกัน...


           “None will ever be a true Parisian who has not learnt to wear a mask of gaiety over his sorrows and one of sadness, boredom, or indifference over his inward joy.” (p.38)


           “No one ever sees the Angel; but he is heard by those who are meant to hear him.” (p.66)


           “They played at hearts as other children might play at ball; only, as it was really their two hearts that they flung to and fro, they had to be very, very handy to catch them, each time, without hurting them.”(p.126)


           “Are people so unhappy when they love?”

           “Yes, Christine, when they love and are not sure of being loved.” (p.156)


           “He asked only to be ‘someone’, like everybody else...He had a heart that could have held the empire of the world;” (p.301)


...


           การกล่าวไว้ของ Peter Harness ในคำแถลงท้ายเล่มว่า “The Phantom of the Opera remains an intensely read, even after close on a century. It is exciting, spine-chilling and tenderly moving. It infects the imagination, and possesses the reader long after the final chapter has been read, and the book returned to the shelf.” คือส่วนที่อธิบายความรู้สึกของเราหลังจากปิดหนังสือไปแล้วได้ถูกต้องทุกประการ เพราะ “The book will truly captivate your imagination and creativity, and make them blossom even in the beginning of the dark, cold winter. ดังนั้น ก่อนจบบทความตอนนี้ไปเราอยากจะขอฝากหนังสือเรื่อง The Phantom of the Opera  by Gaston Leroux ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของนักอ่านทุกทุกคนอย่างไม่ลังเลใด ๆ เลย เพราะเราเชื่อว่า...คุณจะไม่ผิดหวังถ้าได้อ่านหนังสือเรื่องนี้! 

           Trust Me!


เรื่อง : Princess

ภาพประกอบ : Serm